Language:  THA  |  ENG แจ้งโอนเงิน
ตะกร้าสินค้า :  0  ชิ้น (0.00 บาท)
 
      เกร็ดความรู้
หน้าหลัก  >  เกร็ดความรู้  >  หมอฟัน กับ สมาคมเศรษฐกิจอาเซี่ยน (AEC)


  หมอฟัน กับ สมาคมเศรษฐกิจอาเซี่ยน (AEC)
 
บทความจากนิตยสาร Dental Direct  Volume 11 No.39 July-September 2012

ความร่วมมือของประชาคมเศรษฐกิจอาเซี่ยน (AEC) ที่กำลังจะเกิดขึ้นอย่างเป็นทางการในปี 2558 หรืออีกไม่ถึง 3 ปี ในแง่มุมของอาชีพมี 7 อาชีพที่จะสามารถเคลื่อนย้ายได้อย่างเสรีคือ 1.แพทย์ 2.ทันตแพทย์ 3.พยาบาล 4.วิศวกร 5.สถาปนิก 6.ช่างสำรวจ และ 7.นักบัญชี

อย่างไรก็ตาม เมื่อเจาะลึกแต่ละอาชีพจะเห็นว่ามี อาชีพที่จะได้รับผลกระทบค่อนข้างมากคือทันตแพทย์ เนื่องจาก ทันตแพทย์คนเดียวสามารถเปิดคลินิกประกอบอาชีพได้ ขณะที่คนต่างชาติที่อยู่ในไทย ต้องการทันตแพทย์ที่พูดภาษาอังกฤษได้ นอกจากนี้สิงคโปร์ซึงขาดแคลนทันตแพทย์ มีการเปิดโอกาสให้ทันตแพทย์ต่างชาติแปลงสัญชาติเป็นสิงคโปร์ได้ ในตอนนี้จึงมีทันตแพทย์จากยุโรปเข้าไปทำงานในสิงคโปร์เป็นจำนวนมาก ซึ่งผู้ประกอบอาชีพทันตแพทย์ในไทยจะได้รับผลกระทบเนื่องจากทันตแพทย์จากยุโรปจะผ่านมาทางสิงคโปร์และเข้าไทยได้ง่ายมาก อย่างไรก็ตาม พบว่าในทางกลับกันเมื่อเปิด AEC แล้ว แรงงานจากกลุ่มประเทศอาเซียนจะไหลเข้ามาทำงานในไทยมากขึ้น เช่น พยาบาลจากประเทศฟิลิปปินส์ เพราะฟิลิปปินส์เป็นประเทศผลิตพยาบาลส่งออก หรือจะมีทันตแพทย์จากประเทศในยุโรปที่ได้โอนสัญชาติเป็นสัญชาติสิงคโปร์ตามเงื่อนไขที่กำหนด เข้ามาขอใช้สิทธิประกอบวิชาชีพในไทย เป็นต้น เนื่องจากเป็นกลุ่มที่สนใจต้องการเข้ามาทำงานในเมืองไทยอยู่แล้ว เป็นกลุ่มที่ไม่มีงานในประเทศของตน เนื่องจากจำนวนทันตแพทย์ในประเทศเหล่านี้ มากกว่าจำนวนคนเจ็บป่วย เป็นต้น

ดังนั้น เพื่อการเตรียมพร้อมสำหรับการเลี่ยนที่กำลังจะมาถึง เราควรทราบจุดอ่อนจุดแข็ง ของเราเอง และประเทศสมาชิก AEC ซึ่งสรุปได้ดังนี้

1.ประเทศสิงคโปร์
จุดแข็ง
  • รายได้เฉลี่ยต่อคนต่อปีสูงสุดของอาเซียนและติดอันดับ 15 ของโลก
  • การเมืองมีเสถียรภาพ
  • เป็นศูนยกลางทางการเงินระหว่างประเทศ
  • แรงงานมีทักษะสูง
  • ชำนาญด้านการจัดการทรัพยากรบุคคลและธุรกิจ
  • มีที่ตั้งเอื้อต่อการเป็นศูนย์กลางเดินเรือ
จุดอ่อน
  • พึ่งพาการนำเข้าวัตถุดิบและขาดแคลนแรงงานระดับล่าง
  • ค่าใช้จ่ายนการดำเนินธุรกิจสูง
ประเด็นที่น่าสนใจ
  • พยายามขยายโครงสร้างเศรษฐกิจมายังภาคบริการมากขึ้น เพื่อลดการพึ่งพาการส่งออกสินค้า
2. ประเทศอินโดนีเซีย

จุดแข็ง
  • ขนาดเศรษฐกิจใหญ่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
  • ตลาดขนาดใหญ่ (ประชากรมากเป็นอันดับ 4 ของโลก และมากที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้)
  • มีชาวมุสลิมมากที่สุดในโลก
  • มีทรัพยากรธรรมชาติหลากหลายและจำนวนมาก โดยเฉพาะ ถ่านหิน น้ำมัน ก๊าซธรรมชาติ โลหะต่างๆ
  • ระบบธนาคารค่อนข้างแข็งแกร่ง
จุดอ่อน
  • ที่ตั้งเป็นเกาะและกระจายตัว
  • สาธารณูปโภคพื้นฐานยังไม่พัฒนาเท่าที่ควร โดยเฉพาะการคมนาคม และการเชื่อมโยงระหว่างประเทศ
ประเด็นที่น่าสนใจ
  • การลงทุนส่วนใหญ่เน้นใช้ทรัพยากรในประเทศเป็นหลัก
3. ประเทศมาเลเซีย
จุดแข็ง
  • รายได้เฉลี่ยต่อคนต่อปีอยู่ในอันดับ 3 ของอาเซียน
  • มีปริมาณสำรองน้ำมันมากเป็นอันดับ 3 และก๊าซธรรมชาติมากเป็นอันดับ 2 ของเอเชียแปซิฟิก
  • ระบบโครงสร้างพื้นฐานครบวงจร
  • แรงงานมีทักษะ
จุดอ่อน
  • จำนวนประชากรค่อนข้างน้อย ทำให้ขาดแคลนแรงงานโดยเฉพาะระดับล่าง
ประเด็นที่น่าสนใจ
  • ตั้งเป้าหมายเป็น "ประเทศพัฒนาแล้ว" ในปี 2563
  • ฐานการผลิตและส่งออกสินค้าสำคัญที่คล้ายคลึงกับไทย
  • มีนโยบายพัฒนาการผลิตด้วยเทคโนโลยีขั้นสูงอย่างจริงจัง
4.ประเทศบรูไน
จุดแข็ง
  • รายได้เฉลี่ยต่อคนต่อปีอยู่ในอันดับ 2 ของอาเซียนและอันดับ 26 ของโลก
  • การเมืองค่อนข้างมั่นคง
  • เป็นผู้ส่งออกน้ำมันและมีปริมาณสำรองน้ำมันอันดับ 4 ของอาเซียน
จุดอ่อน
  • ตลาดขนาดเล็ก มีประชากรประมาณ 4 แสนคน
  • ขาดแคลนแรงงาน
ประเด็นที่น่าสนใจ
  • มีความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจใกล้ชิดกับสิงคโปร์ มาเลเซียและอินโดนีเซีย
  • การขนส่งสินค้าระหว่างประเทศพึ่งพาสิงคโปร์เป็นหลัก
  • ให้ความสำคัญกับความมั่นคงทางอาหารค่อนข้างมาก
5.ประเทศฟิลิปปินส์
จุดแข็ง
  • ประชากรจำนวนมากอันดับ 12 ของโลก (> 100 ล้านคน)
  • แรงงานทั่วไปมีความรู้-สื่อสารภาษาอังกฤษได้
จุดอ่อน
  • ที่ตั้งห่างไกลจากประเทศสมาชิกอาเซียน
  • ระบบโครงสร้างพื้นฐาน และสวัสดิภาพทางสังคมยังไม่พัฒนาดีนัก
ประเด็นที่น่าสนใจ
  • สหภาพแรงงานมีบทบาทค่อนข้างมาก และมีการเรียบร้องเพิมค่าแรงอยู่เสมอ
  • การลงทุนส่วนใหญ่เป็นการรองรับความต้องการภายในประเทศเป็นหลัก
6.ประเทศเวียดนาม
จุดแข็ง
  • ประชากรจำนวนมากอันดับ 14 ของโลก (ประมาณ 90 ล้านคน)
  • มีปริมาณสำรองน้ำมันมากเป็นอันดับ 2 ของเอเชียแปซิฟิก
  • มีแนวชายฝั่งทะเลยาวกว่า 3,200 กิโลเมตร
  • การเมืองมีเสถียรภาพ
  • ค่าจ้างแรงงานเกือบต่ำสุดในอาเซียน รองจากกัมพูชา
จุดอ่อน
  • ระบบสาธารณูปโภคพื้นฐาน ยังไม่ได้รับการพัฒนาเท่าที่ควร
  • ต้นทุนที่ดินและค่าเช่าสำนักงานค่อนข้างสูง
ประเด็นที่น่าสนใจ
  • มีรายได้และความต้องการสูงขึ้นจากเศรษฐกิจที่โตเร็ว
7. ประเทศกัมพูชา
จุดแข็ง
  • มีทรัพยากรธรรมชาติหลากหลายและอุดมสมบูรณ์ โดยเฉพาะน้ำ ป่าไม้ และแร่ชนิดต่างๆ
  • ค่าจ้างแรงงานต่ำสุดในอาเซียน (1.6 USD/day)
จุดอ่อน
  • ระบบสาธารณูปโภคพื้นฐานยังไม่พัฒนาเท่าที่ควร
  • ต้นทุนสาธารณูปโภค (น้ำ ไฟฟ้า และการสื่อสาร) ค่อนข้างสูง
  • ขาดแคลนแรงงานมีทักษะ
ประเด็นที่น่าสนใจ
  • ประเด็นขัดแย้งระหว่างไทย-กัมพูชาอาจบั่นทอนโอกาสการขยายการค้า-การลงทุนระหว่างกันในอนาคตได้
8. ประเทศลาว
จุดแข็ง
  • มีทรัพยากรธรรมชาติหลากหลายและอุดมสมบูรณ์โดยเฉพาะน้ำและแร่ชนิดต่างๆ
  • การเมืองมีเสถียรภาพ
  • ค่าจ้างแรงงานค่อนข้างต่ำ (2.06 USD/day)
จุดอ่อน
  • ระบบสาธารณูปโภคพ้นฐานยังไม่พัฒนาเท่าที่ควร
  • พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นที่ราบสูงและภูเขา การคมนาคมไม่สะดวก ไม่มีทางออกสู่ทะเล
ประเด็นที่น่าสนใจ
  • การลงทุนส่วนใหญ่อยู่ในกลุ่มโครงสร้างพื้นฐาน พลังงานน้ำ, เหมืองแร่
9. ประเทศพม่า
จุดแข็ง
  • มีทรัพยากรธรรมชาติ น้ำมันและก๊าซธรรมชาติจำนวนมาก
  • มีพรมแดนเชื่อมโยงจีนและอินเดีย
  • ค่าจ้างแรงงานค่อนข้างต่ำ (2.5 USD/day)
จุดอ่อน
  • ระบบสาธารณูปโภคพื้นฐานยังไม่พัฒนาเท่าที่ควร
  • ความไม่แน่นอนทางการเมืองและนโยบาย
ประเด็นที่น่าสนใจ
  • การพัฒนาโครงข่ายคมนาคมในประเทศเชิงรุก ทั้งทางถนน รถไฟความเร็วสูง และท่าเรือ
10. ประเทศไทย
จุดแข็ง
  • เป็นฐานการผลิตสินค้าอุตสาหกรรมและสินค้าเกษตรหลายรายการรายใหญ่ของโลก
  • ที่ตั้งเอื้อต่อการเป็นศูนย์กลางโครงข่ายเชื่อมโยงคมนาคมด้านต่างๆ
  • สาธารณูปโภคพื้นฐานทั่วถึง
  • ระบบธนาคารค่อนข้างเข้มแข็ง
  • แรงงานจำนวนมาก
จุดอ่อน
  • แรงงานส่วนใหญ่ยังขาดทักษะ
  • เทคโนโลยีการผลิตส่วนใหญ่ยังเป็นขั้นกลาง
ประเด็นที่น่าสนใจ
  • ตั้งเป้าเป็นศูนย์กลางอาเซียนในหลายด้าน อาทิ ศูนย์กลางโลจิสติกส์และศูนย์กลางการท่องเที่ยว
  • ดำเนินงานตามแผนปรับตัวสู่ AEC ปี 53-54 ได้ 64% สูงกว่าเกณฑ์เฉลี่ยของอาเซ๊ยนที่ 53% สะท้อนการเตรียมพร้อมอย่างจริงจัง